Dori Sakurada look.1 ได้แสดงในผลงานที่เป็นที่พูดถึงจำนวนมาก! สัมภาษณ์นักแสดง・Sakurada Dori! Sakurada Dori ผู้ที่แสดงบทบาททางการแสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจในหลากหลายผลงาน ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง 180 ซม.ทำให้ใส่ไอเทมของ Onitsuka Tiger ออกมาได้อย่างดูดีและเนี้ยบมากๆ ซึ่งครั้งนี้เราได้มาพูดคุยถึงความคิดและมุมมองในการทำงานในฐานะนักแสดงของ Sakurada Dori ซัง! ──ถ้าให้ย้อนกลับไปตอนถ่ายทำ รู้สึกอย่างไรบ้าง ? สนุกครับ!คิดว่าถ้าเสื้อผ้าและรองเท้าถ่ายออกมาให้ดีจะดีมากเลยจึงโฟกัสกับการถ่ายทำและนั่นก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจขี้น ──ช่วยบอกถึงความประทับใจต่อ Onitsuka Tiger ให้ฟังหน่อย มีความประทับใจที่ว่ามักจะเห็นชาวต่างชาติใส่กันบ่อย นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เชื่อมกับการเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น รองเท้าใส่แล้วเดินง่ายและเบา ส่วนดีไซน์มีอิมเมจที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ──เมื่อลองสัมผัสจริงด้วยตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร ? สไตล์ในครั้งนี้ส่วนมากจะเป็นของที่ดูแคชชวล เคยไปที่ช้อปนะและก็รู้สึกตกใจเพราะว่ามีไอเทมสไตล์คลุมโทนขาวดำหรือเป็นแบบหนังด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบหนังมีสีดำที่ชอบ รู้สึกว่าดูดีมีสไตล์มากเลย ──เดิมทีอะไรเป็นแรงจูงใจให้ Sakurada ซังเข้าสู่วงการบันเทิง ? เมื่อตอนประมาณป.5 มีอีเว้นท์ที่รุ่นพี่จากโมเดลลิ่งที่สังกัดอยู่ตอนนี้มาสอนเต้น ซึ่งการที่ได้ร่วมงานนี้แหละที่ทำให้เกิดเป็นแรงจูงใจเพราะเมื่อตอนที่จะกลับเค้าได้เข้ามาพูดคุยหรือจะให้พูดว่าเป็นการเข้ามาชวนให้เข้าวงการก็ได้ พอมาคิดในตอนนี้อีเว้นท์นั้นอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการออดิชั่นก็เป็นได้ ──ในระหว่างประสบการณ์ในวงการบันเทิงที่ยาวนาน มีจุดเปลี่ยนอะไรบ้าง ? คือการไปเรียนต่อเมื่อตอนอายุ 20 ปี เดิมทีผมแทบจะไม่มีจุดเปลี่ยนไรเลยล่ะ (หัวเราะ) ดังนั้นจึงคิดว่าอยากจะพยายามสร้างจุดเปลี่ยนให้กับตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงไปเรียนต่อ ──มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ? คิดว่าวิธีคิดที่มีต่อการแสดงเปลี่ยนไปแบบ 180 องศาเลยล่ะ ก่อนหน้าที่จะไปเรียนต่อก็ชอบเรื่องแอคติ้งอยู่แล้วก็พยายามทำอย่างตั้งใจนะแต่ความคิดนั้นมันเป็น “ความตั้งใจ” ที่มีเฉพาะเพียงแค่ภายในตัวเองเท่านั้น ตอนนี้พอมองย้อนกลับไปรู้สึกว่ามันอ่อนหัดมาก เป็นครั้งแรกที่มีช่วงที่ไม่ได้ทำงานเลยมากกว่า 1 ปี มันทำให้รู้สึกเครียดอย่างเกินคาด…คิดว่าในระหว่างเรียนต่อเนี่ยแหละที่ทำให้ได้รู้สึกครั้งแรกว่า “อ๊ะ อยากทำงานจัง, อยากแสดงจัง” ──คือได้รู้สึกถึงความน่าสนใจของงานอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งสินะ เพราะว่าก่อนหน้านี้การมีงานทำมันเป็นเรื่องที่ปกติ แต่พอได้ห่างออกมามันทำให้รู้ว่าที่ที่เราเคยอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากขนาดไหน หลังจากกลับมาจากเรียนต่อก็กลายเป็นเอาจริงเอาจังกับผลงานในแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องวิธีคิดต่อผลงาน รวมถึงวิธีการเข้าหาคนก็เปลี่ยนไปด้วย ──มีเป้าหมายอะไรต่อจากนี้มั้ย ? สิ่งที่เป็นเหมือนความฝันอันยิ่งใหญ่ไม่เคยมีมาก่อนเลย…แต่มีเป้าหมายเล็กๆนะ เนื่องจากยังมีบทอีกมากมายมหาศาลที่ยังไม่เคยพบเจอจึงอยากที่จะได้เจอกับบทที่ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน และเพื่อที่จะทำให้ผลงานนั้นออกมาดี จึงคิดว่าอยากจะมีส่วนร่วมในจุดยืนที่หลากหลายและท้าทายกับมัน ──ว่าแต่ มีนักแสดงในยุคเดียวกันที่เป็นคู่แข่งบ้างมั้ย ? ไม่มีคู่แข่งนะ อาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของนิสัยส่วนตัวที่ว่าเป็นคนที่ไม่สนใจรอบข้างมากเกินไป (หัวเราะ) และถ้าสร้างคู่แข่งจะทำให้เราไปโฟกัสกับคนอื่นมากเกินไปจะทำให้ผมสู้ไม่ได้ แต่แน่นอนว่ามีนักแสดงที่ชื่นชอบนะและก็มีเพื่อนนักแสดงในยุคเดียวกันที่สนิทสนมด้วย อาจไม่ใช่คู่แข่งแต่พอเห็นเค้าได้แสดงผลงานก็เป็นเครื่องกระตุ้นให้ตัวเองก็ต้องพยายามเช่นกัน → ใน LOOK.2 ที่จะตีพิมพ์ในเดือนหน้า เราจะไปตามติดถึงนิสัยและเรื่องไพรเวทของ Sakurada Dori ซังในแบบที่ไม่คาดคิดกัน!
Sakurada Dori ผู้ที่แสดงบทบาททางการแสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจในหลากหลายผลงาน ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง 180 ซม.ทำให้ใส่ไอเทมของ Onitsuka Tiger ออกมาได้อย่างดูดีและเนี้ยบมากๆ ซึ่งครั้งนี้เราได้มาพูดคุยถึงความคิดและมุมมองในการทำงานในฐานะนักแสดงของ Sakurada Dori ซัง!
──ถ้าให้ย้อนกลับไปตอนถ่ายทำ รู้สึกอย่างไรบ้าง ?
สนุกครับ!คิดว่าถ้าเสื้อผ้าและรองเท้าถ่ายออกมาให้ดีจะดีมากเลยจึงโฟกัสกับการถ่ายทำและนั่นก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจขี้น
──ช่วยบอกถึงความประทับใจต่อ Onitsuka Tiger ให้ฟังหน่อย
มีความประทับใจที่ว่ามักจะเห็นชาวต่างชาติใส่กันบ่อย นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เชื่อมกับการเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น รองเท้าใส่แล้วเดินง่ายและเบา ส่วนดีไซน์มีอิมเมจที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
──เมื่อลองสัมผัสจริงด้วยตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร ?
สไตล์ในครั้งนี้ส่วนมากจะเป็นของที่ดูแคชชวล เคยไปที่ช้อปนะและก็รู้สึกตกใจเพราะว่ามีไอเทมสไตล์คลุมโทนขาวดำหรือเป็นแบบหนังด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบหนังมีสีดำที่ชอบ รู้สึกว่าดูดีมีสไตล์มากเลย
──เดิมทีอะไรเป็นแรงจูงใจให้ Sakurada ซังเข้าสู่วงการบันเทิง ?
เมื่อตอนประมาณป.5 มีอีเว้นท์ที่รุ่นพี่จากโมเดลลิ่งที่สังกัดอยู่ตอนนี้มาสอนเต้น ซึ่งการที่ได้ร่วมงานนี้แหละที่ทำให้เกิดเป็นแรงจูงใจเพราะเมื่อตอนที่จะกลับเค้าได้เข้ามาพูดคุยหรือจะให้พูดว่าเป็นการเข้ามาชวนให้เข้าวงการก็ได้ พอมาคิดในตอนนี้อีเว้นท์นั้นอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการออดิชั่นก็เป็นได้
──ในระหว่างประสบการณ์ในวงการบันเทิงที่ยาวนาน มีจุดเปลี่ยนอะไรบ้าง ?
คือการไปเรียนต่อเมื่อตอนอายุ 20 ปี เดิมทีผมแทบจะไม่มีจุดเปลี่ยนไรเลยล่ะ (หัวเราะ) ดังนั้นจึงคิดว่าอยากจะพยายามสร้างจุดเปลี่ยนให้กับตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงไปเรียนต่อ
──มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ?
คิดว่าวิธีคิดที่มีต่อการแสดงเปลี่ยนไปแบบ 180 องศาเลยล่ะ ก่อนหน้าที่จะไปเรียนต่อก็ชอบเรื่องแอคติ้งอยู่แล้วก็พยายามทำอย่างตั้งใจนะแต่ความคิดนั้นมันเป็น “ความตั้งใจ” ที่มีเฉพาะเพียงแค่ภายในตัวเองเท่านั้น ตอนนี้พอมองย้อนกลับไปรู้สึกว่ามันอ่อนหัดมาก
เป็นครั้งแรกที่มีช่วงที่ไม่ได้ทำงานเลยมากกว่า 1 ปี มันทำให้รู้สึกเครียดอย่างเกินคาด…คิดว่าในระหว่างเรียนต่อเนี่ยแหละที่ทำให้ได้รู้สึกครั้งแรกว่า “อ๊ะ อยากทำงานจัง, อยากแสดงจัง”
──คือได้รู้สึกถึงความน่าสนใจของงานอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งสินะ
เพราะว่าก่อนหน้านี้การมีงานทำมันเป็นเรื่องที่ปกติ แต่พอได้ห่างออกมามันทำให้รู้ว่าที่ที่เราเคยอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากขนาดไหน
หลังจากกลับมาจากเรียนต่อก็กลายเป็นเอาจริงเอาจังกับผลงานในแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องวิธีคิดต่อผลงาน รวมถึงวิธีการเข้าหาคนก็เปลี่ยนไปด้วย
──มีเป้าหมายอะไรต่อจากนี้มั้ย ?
สิ่งที่เป็นเหมือนความฝันอันยิ่งใหญ่ไม่เคยมีมาก่อนเลย…แต่มีเป้าหมายเล็กๆนะ เนื่องจากยังมีบทอีกมากมายมหาศาลที่ยังไม่เคยพบเจอจึงอยากที่จะได้เจอกับบทที่ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน และเพื่อที่จะทำให้ผลงานนั้นออกมาดี จึงคิดว่าอยากจะมีส่วนร่วมในจุดยืนที่หลากหลายและท้าทายกับมัน
──ว่าแต่ มีนักแสดงในยุคเดียวกันที่เป็นคู่แข่งบ้างมั้ย ?
ไม่มีคู่แข่งนะ อาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของนิสัยส่วนตัวที่ว่าเป็นคนที่ไม่สนใจรอบข้างมากเกินไป (หัวเราะ)
และถ้าสร้างคู่แข่งจะทำให้เราไปโฟกัสกับคนอื่นมากเกินไปจะทำให้ผมสู้ไม่ได้
แต่แน่นอนว่ามีนักแสดงที่ชื่นชอบนะและก็มีเพื่อนนักแสดงในยุคเดียวกันที่สนิทสนมด้วย อาจไม่ใช่คู่แข่งแต่พอเห็นเค้าได้แสดงผลงานก็เป็นเครื่องกระตุ้นให้ตัวเองก็ต้องพยายามเช่นกัน
→ ใน LOOK.2 ที่จะตีพิมพ์ในเดือนหน้า เราจะไปตามติดถึงนิสัยและเรื่องไพรเวทของ Sakurada Dori ซังในแบบที่ไม่คาดคิดกัน!